วันอาทิตย์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

วง Bodyslam

       วงละอ่อน เกิดจากการรวมตัวของเด็กนักเรียน 6 คน จากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ที่หลงใหลในเสียงดนตรี

       (ละอ่อน เป็นภาษาถิ่นของภาคเหนือ แปลว่าเด็กๆ, คนที่อายุน้อยกว่า และเป็นชื่อวันรับน้องของโรงเรียนสวนกุหลาบฯ ซึ่งเป็นการรับน้องระดับชั้นม.1 โดยรุ่นพี่ปี1และม.6ในขณะนั้น) พ.ศ. 2539 รายการวิทยุ Hot Wave ได้จัดงานประกวดวงดนตรีระดับมัธยมศึกษาชื่อ Hot Wave Music Awards ขึ้นเป็นครั้งแรก
     วงละอ่อนจึงได้เข้าร่วมการแข่งขันและได้รับรางวัลชนะเลิศ จากจำนวนวงดนตรีเกือบ 100 วงที่เข้าร่วมแข่งขัน หลังความสำเร็จนี้
         วงละอ่อนได้รับการเซ็นสัญญาเป็นศิลปินในสังกัด Music Bugs ทันที และออกอัลบั้มแรกในชื่อ ละอ่อน
โดยเพลงที่ดังมากก็คือเพลง ได้หรือเปล่า และ นิดนึงพอ  เป็นการรวมตัวกันของนักดนตรี(ส่วนหนึ่ง)ของวงละอ่อน ซึ่งเคยชนะเลิศการประกวด HotWave Music Award ครั้งที่ 1 และมีผลงานมาแล้วถึง 2 อัลบั้ม หลังจากนั้นสมาชิกในวงก็ได้แยกย้ายกันไปเรียนต่อ ตามความถนัดของแต่ละคน ทำให้วิถีการดำเนินชีวิต แตกต่าง และห่างกันไปโดยไม่ตั้งใจ จนกระทั่ง"ตูน" นักร้องนำของวง ได้หวนกลับมาจับเครื่องดนตรี และเริ่มแต่งเพลงอีกครั้ง จากนั้นไม่นานก็ได้ "เภา" มาช่วยเพิ่มสีสันให้กับงานเพลง และ"ปิ๊ด" ก็กลับมาช่วยเพื่อนๆ ทำงานเพลงในรูปแบบใหม่ ซึ่งแนวดนตรีได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง บอดี้สแลม หมายถึงอะไร "ท่าๆ หนึ่งของมวยปล้ำ แต่ถ้าแปลความหมายมันก็ตรงตัวนะ body แปลว่าร่างกาย slam คือการทุ่มพอมารวมกันเป็น BODYSLAM ก็หมายถึง การทุ่มสุดตัว คือเราทำงานเพลงกันเต็มที่ แบบทุ่มสุดตัว
   พ.ศ. 2545 พวกเขาส่วนหนึ่งได้กลับมารวมตัวกันในชื่อ Bodyslam ภายใต้การดูแลของทีมนักทำเพลง ที่ชื่อว่า Mango Team  ซึ่งเป็นทีมเดียวกันกับที่ดูแลผลงานเพลงของวง บิ๊กแอส โดยมาเป็นดนตรีร็อกหนักแน่น โดยเหลือสมาชิก เพียง 3 คนจาก 6 คนเท่านั้น ผลงานเพลงชุดแรกชื่อ Bodyslam ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี หลังจากที่ปล่อยเพลง "งมงาย" "อากาศ" และ "ย้ำ" ให้ฮิตไปแล้วทั่วประเทศ  

    พ.ศ. 2546 ก็ออกอัลบั้ม Drive ภายในระยะเวลา 1 ปีให้หลัง สามหนุ่มก็กลับมาสร้างความแรงบนหน้าปัดวิทยุอีกครั้ง กับเพลง "ความซื่อสัตย์" เพลงโปรโมทแรกจากอัลบั้ม "Drive"งานเพลงชุดที่ 2 ของพวกเขา จึงเป็นเสมือนดนตรีทีถูกขับเคลื่อน มาจากความรู้สึก ที่บ่งบอกความเป็น bodyslam ออกมาอย่างชัดเจน และลงตัวที่สุด ทั้งในเรื่องของแนวทางดนตรีและมุมมองของชีวิต และประสบความสำเร็จเช่นกัน
แต่หลังจากออกอัลบั้ม Drive พวกเขาก็ออกจากค่าย Music Bug และเซ็นสัญญากับ จีนีส์ เรคอร์ด ซึ่งอยู่ในสังกัด GMM Grammy เภา-รัฐพล พรรณเชษฐ์ มือกีตาร์ของวงก็ได้ออกไปทำอัลบั้มเดี่ยว (ในชื่อ Present Perfect) และมีสมาชิกใหม่เพิ่มเข้ามาคือ ยอด กับ ชัช
     พ.ศ. 2548 พวกเขาก็ออกอัลบั้ม Believeภายใต้หลังคาบ้านใหม่จีนี่ เรคคอร์ด โดยปล่อยซิงเกิ้ลแรกขอบฟ้า ออกมารับความแรงเกินคาดเข้าอันดับ 1 ในทุกชาร์ต เป็นบทพิสูจน์ความสำเร็จของบอดี้สแลม วงร็อครุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี เป็นที่ยอมรับของแฟนเพลง ในปี พ.ศ. 2549 บอดี้สแลมได้เข้าชิงหนึ่งใน 5 งานเอ็มทีวี เอเชีย อวอร์ดสสาขาศิลปินยอดนิยมประเทศไทย




อัลบั้ม Save My Life เพลงเปิดตัวเพลงแรก "ยาพิษ" ได้ออกสู่ผู้ฟัง ได้รับการตอบรับไม่น้อย เนื่องจากเนื้อหาและความหนักหน่วงทางดนตรีที่เพิ่มขึ้นมาก (มีดนตรีแนว Alternative ให้เห็นอย่างเด่นชัด) เมื่อได้ฟังเพลงทั้งหมดของอัลบัมนี้แล้ว อาจจะรู้สึกได้ว่า ดนตรีได้มีการเปลี่ยนแนวไป ในการฟังครั้งแรก ก็จะพบว่าเพลงดีมีอยู่ อย่างเช่น ยิ่งรู้ยิ่งไม่เข้าใจ อกหัก นาฬิกาตาย นี่เป็นการเปลี่ยนแนวครั้งยิ่งใหญ่ ของ BODYSLAM อัลบั้มนี้ ตูนได้แต่งเพลงเองสองเพลงคือเพลง แค่หลับตา ซึ่งเพลงนี้ตูนได้ร้องคู่กับปนัดดา เรืองวุฒิ และเพลงขอบคุณน้ำตา และอีกเพลงที่ตูนแต่งเพลงร่วมกับขจรเดช พรมรักษาหรือ กบ Big Ass โปรดิวเซอร์ก็คือเพลง ยาพิษ และเป็นที่น่ายินดี สำหรับเพลง เสี้ยววินาที ที่เป็นเพลงประกอบโฆษณา 24thSea Games 2007 Information Center Nakhon Ratchasima THAILAND
เป็น อัลบั้มพิเศษของทาง Gmm Grammy ที่จัดขึ้นมาเพื่อฉลอง 25 Gmm Grammy โดยอัลบั้มนี้จะอยู่ในหมวดของ Rock โดยให้แต่ละศิลปินได้เลือกเพลงเก่ามนตำนานของ Gmm Grammy มา cover ใหม่ ให้เป็นแนวของศิลปินเอง
อัลบั้ม คราม (พ.ศ. 2553) สตูดิโออัลบั้ม ลำดับที่ 5 ของบอดี้แสลม หลังจากที่ ตูน นักร้องนำได้ลาสิกขาบทออกมา โดยการเปิดตัวซิงเกิ้ลใหม่ในสตูดิโออัลบั้มนี้ เพลง "คราม" ซึ่งมาพร้อมกับความแปลกใหม่ ในการใช้ซินธิไซเซอร์ ผสมลงไปในเพลงด้วย ตามด้วยซิงเกิ้ลที่ 2 อย่างเพลง"ความรัก" ซึ่งกลายเป็นเพลงที่ได้รับความนิยมสูงสุดของอัลบั้มนี้ และมียอดการดาวน์โหลดสูงสุด ต่อมาในช่วงกลางปี ก็ได้ปล่อยเพลง "คิดฮอด" เพลงที่สร้างความแปลกใหม่ให้วงการเพลงร็อกไทย ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกที่ทางวง ได้นำเอาทำนองแบบหมอลำเข้ามาผสมในเพลงด้วย โดยได้เชิญศิริพร อำไพพงศ์ มาช่วยกันแต่งเนื้อใส่ในเพลงร็อกสไตล์โมเดิร์นที่มีกลิ่นอายของหมอลำจากพวกเค้า สร้างกระแสให้เพลงนี้เป็นที่พูดถึงมากในชุดนี้ก็ว่าได้ และยังมีเพลงในอัลบั้มที่เป็นที่นิยม อย่าง "เปราะบาง" และ "แสงสุดท้าย"


 





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น